วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สวนพฤกษศาสตร์ ต้นตีนเป็ดน้ำ


ตีนเป็ดน้ำ


ตีนเป็ดน้ำ ชื่อสามัญ Pong pongตีนเป็ดน้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ “คาร์เบอรา โอดอลลาม” (Cerbera odollam Gaertn.) จัดอยู่ในวงศ์ APOCYNACEAEตีนเป็ดน้ำ ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ตุมตูม พะเนียงน้ำ (กาญจนบุรี), สั่งลา (กระบี่), ตีนเป็ด ตีนเป็ดทะเล (ภาคกลาง), มะตะกอ (มลายู-นราธิวาส) เป็นต้น

ลักษณะของตีนเป็ดน้ำ
 ต้นตีนเป็ดน้ำ มีถิ่นกำเนิดในอินเดียจนถึงทางตอนใต้ของจีน และมีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ประเทศศรีลังกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคมาเลเซีย หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกและนิวคาเลโดเมีย ส่วนในประเทศไทยนั้นจะพบได้เฉพาะทางภาคใต้ โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดเล็ก ทรงร่ม เรือนยอดเป็นทรงกลมทึบ มีความสูงของต้นประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นแตกกิ่งต่ำ เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเทา มีช่องระบายอากาศเป็นร่องยาว มีน้ำยางสีขาวข้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดแก่ (เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด) ปลูกได้ดีในดินทั่วไป ชอบแสงแดดเต็มวัน เจริญเติบโตได้เร็ว ไม่ต้องการการดูแลมาก มักพบขึ้นตามบริเวณริมน้ำ ตามป่าชายเลน ป่าบึงน้ำจืดและป่าชายหาด
ใบตีนเป็ดน้ำ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันหนาแน่นที่ปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปรียาว หรือเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายใบมีติ่งหรือหางใบแหลม โคนใบสอบหรือเป็นรูปลิ่ม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.4-8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8.9-30 เซนติเมตร ใบเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน มีเส้นแขนงใบประมาณ 12-25 เส้น เห็นเส้นใบได้ชัดเจน ส่วนท้องใบเรียบ ก้านใบยาวประมาณ 3 เซนติเมตร

ดอกตีนเป็ดน้ำ อกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 8-35 เซนติเมตร แต่ละช่อมีดอกหลายดอก ประมาณ 10-14 ดอก ดอกย่อยเป็นสีขาว ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ก้านดอกยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ เรียงซ้อนทับกันด้านซ้ายในตาดอก ปลายกลีบดอกแหลม ดอกบานมีแต้มเหลืองรอบปากหลอดกลีบดอก หลอดกลีบยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร แฉกกลีบยาวประมาณ 1.2-3.8 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ติดกลางหลอดกลีบดอก ส่วนกลีบรองดอกหรือกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปแถบหรือรูปใบหอดกลีบ ยาวประมาณ 0.8-2.5 เซนติเมตร ปลายกลีบเรียวแหลม เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 6-7 เซนติเมตร

ผลตีนเป็นน้ำ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม หรือค่อนข้างกลมรีเป็นสองพูตื้นๆ ผลเป็นผลสดแบบมีเนื้อ ผลมีขนาดกว้างประมาณ 6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ผิวผลเรียบเนียนเป็นมันและมีจุดเล็กๆ สีขาวกระจายทั่วไป ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มถึงสีม่วงเข้ม ภายในผลมีเมล็ดขนาดใหญ่ประมาณ 1-2 เมล็ด เมล็ดแข็ง เบา และลอยน้ำได้

สรรพคุณของตีนเป็ดน้ำ
1. เมล็ดมีฤทธิ์ต่อหัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ เมล็ดรากมีสรรพคุณช่วยแก้ลม แก้ลมให้กระจาย (ราก)แก่นมีรสเฝื่อน สรรพคุณช่วยกระจายลม กระจายเลือด กระจายลมอันฑพฤกษ์ แก้ลมอัณฑพฤกษ์ (ลมที่ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้) 
2. (แก่น)ช่วยแก้โลหิตพิการ (ดอก)ใบมีรสเฝื่อน สรรพคุณช่วยแก้ไข้หวัด แก้ไข้ตัวร้อน (ใบ) ดอกใช้เป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน (ดอก)เปลือกต้นและทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ ไข้หวัด แก้ไข้เพื่อดีพิการ แก้หวัด (เปลือกต้น,ทั้งต้น)ส่วนน้ำมันจากเมล็ดใช้ทามีสรรพคุณแก้หวัด (น้ำมันจากเมล็ด)
3. รากมีรสเฝื่อน มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ (ราก)รากมีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียน (ราก)ผล เมล็ด ใบ เปลือกต้น และทั้งต้นมีสรรพคุณทำให้อาเจียน (ผล,เมล็ด,ใบ,เปลือกต้น,ทั้งต้น)ใบและทั้งต้นมีสรรพคุณแก้อาเจียนเป็นเลือด (ใบ,ทั้งต้น) ช่วยแก้หลอดลมอักเสบ (เปลือกต้น)ช่วยขับผายลม (ราก) ช่วยแก้อาการบิด
4. (เปลือกต้น)ช่วยสมานลำไส้ (เปลือกต้น)ผล เมล็ด ใบ เปลือกต้น และทั้งต้นมีรสเฝื่อนใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย (ผล,เมล็ด,ใบ,เปลือกต้น, ทั้งต้น)ใบใช้เป็นยาฆ่าพยาธิ
5. ส่วนเปลือกต้นใช้ขับพยาธิไส้เดือน (ใบ,เปลือกต้น)เปลือกต้นมีสรรพคุณช่วยแก้นิ่ว ขับนิ่ว (เปลือกต้น)ดอกมีรสเฝื่อน ใช้แก้ริดสีดวงทวาร (ดอก)ยางสดจากต้น เมื่อนำมาผสมกับน้ำมันต้นไม้ยางนา ผสมเคี่ยวให้สุก ใช้เป็นยาแก้แผลเน่าเรื้อรัง (ยางสดจากต้น)
6. ใบมีสรรพคุณใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)ส่วนกระพี้มีสรรพคุณแก้เกลื้อน (กระพี้)น้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นยาทาถูนวดทำให้ร้อนแดง ช่วยแก้อาการคันได้ (น้ำมันจากเมล็ด)
7. เมล็ดและน้ำมันจากเมล็ด มีสรรพคุณช่วยแก้หิด (เมล็ด,น้ำมันจากเมล็ด) 
8. ผลแห้งนำมาเผาไฟตำผสมกับน้ำมันพืช ใช้ทาแก้ตาปลา รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (ผล)ช่วยรักษาโรคกลัวน้ำ (ผล)ช่วยระงับอาการปวด (ผล)ผลสดนำมาขยี้ใช้ทาแก้อาการปวด ปวดตามข้อ และแก้อาการปวดตามกล้ามเนื้อ (ผล)แก่นมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (แก่น)








อ้างอิง

1.หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษีธวัชชัย มังคละคุปต์).  ตีนเป็ดน้ำ (Tin Pet Nam)“.  หน้า 130. 2.หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญดร.นิจศิริ เรืองรังษีกัญจนา ดีวิเศษ).  ตีนเป็นน้ำ“.  หน้า 100.3.ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.  ตีนเป็นน้ำ“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th.  [14 มี.ค. 2014].4. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  ตีนเป็นทะเล“.  อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [14 มี.ค. 2014].5.สมุนไพรไทยมหาวิทยาลัยนเรศวร.  ตีนเป็นทะเล“.  (วชิราภรณ์  ทัพผา).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/46313433/Thaiherb/.  [14 มี.ค. 2014].6.ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.  ตีนเป็ดน้ำ“.  (นพพล เกตุประสาท).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th.  [14 มี.ค. 2014].





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น